บทที่ 2 การใช้ซอฟต์แวร์ระบบช่วยในการทำงาน
ซอฟต์แวร์ระบบช่วยในการทำงาน
ซอฟต์แวร์ระบบมีหน้าที่หลักในการดำเนินงานพื้นฐานของระบบคอมพิวเตอร์ เช่น การบีบอัดข้อมูล การขยายข้อมูล การโอนย้ายข้อมูล การตรวจสอบไวรัสคอมพิวเตอร์ การศึกษาวิธีการใช้วอฟต์แวร์ระบบจะช่วยให้ทำงานได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ
การบีบอัดข้อมูล
การบีบอัดข้อมูล ในการโอนย้ายข้อมูลระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตซึ่งมีความเร็วในการส่งข้อมูลจำกัด ทำให้การส่งข้อมูลขนาดใหญ่ใช้เวลานานมาก จึงนิยมบีบอัดข้อมูลให้มีขนาดเล็กที่สุดด้วยการลดขนาดไฟล์ โดยยังคงข้อมูลเดิมไว้ก่อนการโอนย้าย ซึ่งเรียกวิธีการนี้ว่า ซิป (ZIP)
การบีบอัดข้อมูลหรือซิปในระบบปฏิบัติการวินโดวส์เอกซ์พี มีขั้นตอนดังนี้
1. เลือกไฟล์หรือโฟลเดอร์หลาย ๆ ไฟล์หรือโฟลเดอร์ที่ต้องการซิปด้วยการคลิกเมาส์ซ้ายพร้อมกับกดปุ่ม Ctrl บนแผนแป้นอักขระค้างไว้จนกระทั่งได้ไฟล์หรือโฟลเดอร์ที่ต้องการซิปครบตามจำนวน
2. คลิกเมาส์ขวาที่ไฟล์หรือโฟลเดอร์ที่ต้องการซิปอันใดอันหนึ่งของกลุ่มไฟล์หรือโฟเดอร์ที่ต้องการลดนาด
3. เลือกคำสั่ง Send To และ Compressed (zipped) folder
4. ผลลัพธ์ที่ได้จะพบข้อมูลที่ถูกซิป ซึ่งมีรูปร่างคล้ายโฟลเดอร์มีซิปรูดหรือตู้มีลิ้นชัก
การขยายข้อมูล
การขยายข้อมูล เป็นการขยายข้อมูลที่ถูกซิปไว้ให้กลับมามีโครงสร้างดังเดิม เพื่อนำไปใช้งาน ซึ่งกระบวนการขยายข้อมูลที่ซิปไว้นี้เรียกว่า อันซิป (UNZIP)
การขยายข้อมูลหรืออันซิปในระบบปฏิบัติการวินโดวส์เอกซ์พี มีขั้นตอนดังนี้
1. คลิกเมาส์ขวาที่โฟลเดอร์ซึ่งซิปไว้
2. เลือกคำสั่ง Extract files...
3. วินโดวส์จะแสดงตำแหน่งที่เก็บไฟล์ที่ขยายแล้ว ถ้าต้องการเปลี่ยนตำแหน่งที่เก็บไว้ให้คลิกที่ไดเร็กทอรีทรี
4. คลิกปุ่มคำสั่ง OK
5. ผลลัพธ์ทีได้ คือ ไฟล์หรือโฟลเดอร์ที่ขยายแล้ว
การตรวจสอบไวรัสคอมพิวเตอร์
การตรวจสอบไวรัสคอมพิวเตอร์ ไวรัสคอมพิวเตอร์เป็นซอฟต์แวร์ชนิดหนึ่งที่สามารถทำสำเนาตนเอง แล้วแพร่กระจายผ่านการดาวน์โหลดข้อมูล การโอนย้ายข้อมูล การเปิดสื่อบันทึกข้อมูลต่าง ๆ หรือการส่งไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ จากคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งไปยังคอมพิวเตอร์อีกเครื่องหนึ่ง แล้วสร้างความเสียหายให้แก่ระบบคอมพิวเตอร์
ไวรัสคอมพิวเตอร์ที่พบเป็นประจำ เช่น ม้าโทรจัน (Trojan) หนอนคอมพิวเตอร์ (arms) ซอฟต์แวร์สอดแนม (Spyware) การป้องกันไวรัสคอมพิวเตอร์ด้วยการตรวจสอบไวรัสที่มากับข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ เช่น อุปกรณ์บันทึกข้อมูล เว็บไซต์ทางอินเตอร์เน็ต แล้วทำการกำจัดไวรัสคอมพิวเตอร์นั้นด้วยซอฟต์แวร์ตรวจสอบและกำจัดไวรัสที่มีประสิทธิภาพ จะช่วยลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับระบบคอมพิวเตอร์
ลักษณะอาการของคอมพิวเตอร์ที่แสดงถึงการมีไวรัส มีดังนี้
1. ใช้เวลานานผิดปกติในการเรียกซอฟต์แวร์ขึ้นมาทำงาน
2. ปุ่มคำสั่งต่าง ๆ ใหญ่ขึ้น
3. วันเวลาของซอฟต์แวร์เปลี่ยนไป
4. ข้อความที่ปกติไม่ค่อยได้เห็น กลับถูกแสดงขึ้นมาบ่อย ๆ
5. เกิดตัวอักษรหรือข้อความประหลาดบนหน้าจอ
6. เครื่องส่งเสียงออกทางลำโพงโดยไม่ได้เกิดจากซอฟต์แวร์ที่ใช้งานอยู่
7. แผงแป้นอักขระทำงานผิดปกติหรือไม่ทำงานเลย
8. ขนาดของหน่วยความจำที่เหลือลดน้อยกว่าปกติโดยหาเหตุผลไม่ได้
9. ไฟล์แสดงสถานะการทำงานของดิสก์ติดค้างนานกว่าที่เคยเป็น
10. ไฟล์ข้อมูลหรือซอฟต์แวร์ที่เคยใช้หายไป
11. เครื่องทำงานล้างช้าลง
12. เครื่องบูตตัวเองโดนไม่ได้สั่ง
13. ระบบหยุดทำงานโดยไม่ทราบสาเหตุ
เมื่อคอมพิวเตอร์มีอาการดังกล่าว ต้องตรวจสอบไวรัสคอมพิวเตอร์ทันทีโดยมีขั้นตอน ดังนี้
1. ดับเบิลคลิกที่ปุ่มคำสั่งของซอฟต์แวร์ตรวจสอบไวรัสที่มีอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์
2. คลิกปุ่มคำสั่ง Computer Scan แล้วเลือกตรวจสอบไวรัสคอมพิวเตอร์ทั้งหมดทุกไฟล์ทุกโฟลเดอร์ (Smart Scan) หรือเลือกตรวจสอบไวรัสเฉพาะที่ต้องการ (Custom Scan)
3. ถ้าเลือกตรวจสอบไวรัรสจากสื่อบันทึกข้อมูลที่กำลังน้ำข้อมูลเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์ให้ใช้เมาส์คลิกลงในช่องว่างหน้าไดรฟ์ที่นำเข้าข้อมูล แล้วคลิกปุ่มคำสั่ัง Scan
ขณะซอต์แวร์แอนติไวรัสกำลังตรวจสอบไวรัส หากต้องการหยุดการตรวจสอบของไวรัสชั่วคราวให้คลิกที่ปุ่มคำสั่ง Pause หรือถ้าต้องการหยุดการตรวจสอบไวรัสทั้งหมดทันทีให้คลิกปุ่มคำสั่ง Stop
เมื่อทำการตรวจสอบไวรัสแล้วพบว่ามีไวรัส จะปรากฏจำนวนไวรัสที่พบ ดังตัวอย่าง
หากซอฟต์แวร์ตรวจสอบไวรัสคอมพิวเตอร์ มีข้อมูลของไวรัสที่พบอยู่แล้ว จะทำการกำจัดให้โดยอัตตโนมัติ แต่หากไม่มีข้อมูล ไวรัสดังกล่าวจะยังคงอยู่ จึงต้องทำการปรับปรุง (update) ซอฟ์แวร์ตรวจสอบไวรัสอยู่เสมอ เพื่อให้กำจัดไวรัสคอมพิวเตอร์ใหม่ ๆ ได้
ซอฟต์แวร์ตรวจสอบไวรัสมีมากมายหลายซอฟต์แวร์ให้เลือกใช้ เช่น ESET NOD32 Antivirus , Norton , Kaspersky , McAfee , AVG
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น